"รัฐมนตรีพลังงาน" ประชุมร่วมกับ "กกพ." เตรียมความพร้อม การรับยื่นสมัครเข้าร่วมโครงการ "โซลาร์ภาคประชาชน" ผ่านช่องทางเว็บไซต์ของ "กฟน." และ "กฟภ."ได้ทั่วประเทศตั้งแต่ 24 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป หมดเขตภายในปี 2562 นี้
สำหรับการเปิดรับสมัครประชาชนผู้สนใจ เพื่อยื่นขอขายไฟฟ้า จะเป็นการยื่นผ่านระบบออนไลน์ในช่องทางเว็บไซต์ ของ กฟน. ที่ https://spv.mea.or.th และ เว็บไซต์ของ กฟภ. ที่https://ppim.pea.co.th ซึ่งได้มีออกแบบมาเป็นช่องทางเฉพาะเพื่อรองรับการอำนวยความสะดวกและรวดเร็วให้กับประชาชนผู้สนใจที่จะเข้ามาสมัคร โดยจะเปิดรับยื่นความจำนงค์ได้ตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป และหมดเขตรับลงทะเบียนภายในปี 2562 โดยการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย จะทยอยประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการพิจารณา ทางเว็บไซต์ของการไฟฟ้า รวมทั้งส่งผลให้ผู้สมัครได้รับทราบทางอีเมลที่ได้แจ้งไว้ ตั้งแต่เดือน มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป และลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าต่อไป ราคารับซื้อไฟฟ้าส่วนเกินในราคาหน่วยละ 1.68 บาท

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงโครงการโซลาร์ภาคประชาชนของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้กำหนดหลักการนำร่อง โดยจะรับจดทะเบียนเจ้าของบ้านและอาคารที่เป็นเจ้าของมิเตอร์ ประเภทบ้านที่อยู่อาศัยที่ต้องการติดตั้งแผงเซลล์ผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้เองเชื่อมกับระบบไฟฟ้าของประเทศและขายผลผลิตไฟฟ้าส่วนเกินความต้องการใช้เข้าสู่ระบบได้ในขนาดการติดตั้งประมาณ 100 เมกะวัตต์ต่อปี เป็นระยะเวลา 10 ปี
นายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ประธานกรรมการ โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)กล่าวเพิ่มเติมว่า หลักการทำงานของโซลาร์รูฟภาคประชาชนบ้านอยู่อาศัย คือ เวลากลางวันไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซลาร์รูฟจะไหลเข้าตู้ไฟฟ้าบ้านผสมกับไฟฟ้าที่ซื้อจากการไฟฟ้าโดยที่ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซลาร์รูฟจะถูกนำไปใช้ก่อน หากไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซลาร์รูฟมีค่าน้อยกว่าการไฟฟ้าในบ้าน บ้านจะซื้อไฟฟ้าส่วนที่ไม่พอจากการไฟฟ้าเข้ามาเติม หากไฟฟ้าที่ผลิตได้จากการโซลาร์รูฟมีค่ามากกว่าการใช้ไฟฟ้าในบ้าน บ้านจะขายไฟฟ้าส่วนที่เกินให้แก่การไฟฟ้าในราคาหน่วยละ 1.68 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ มิเตอร์จะอ่านและบันทึกค่าการไหลของไฟฟ้าได้ 2 ทิศทางคือไฟฟ้าที่ซื้อจากการไฟฟ้า และไฟฟ้าที่ขายให้แก่การไฟฟ้า ขณะที่บิลค่าไฟจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนที่ซื้อไฟฟ้าและส่วนที่ขายไฟฟ้า โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ยืนยันจะทำโครงการนี้ให้โปร่งใสและยุติธรรมที่สุด


ขณะเดียวกันรัฐบาลจะออกมาตรการสนับสนุนให้ผู้ผลิตแผงโซลาเซลล์และผู้ประกอบการติดตั้งระบบในประเทศและสถาบันอาชีวศึกษาให้มีส่วนร่วมในธุรกิจการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบ คาดว่าแต่ละปีจะมีการติดตั้งประมาณ 10,000-20,000 ระบบ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 40,000 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาโครงการ 10 ปี
ขอขอบคุณ : Solar D
อ่านเพิ่มเติมตรงนี้ท่านที่สนใจ ..Solar PV Rooftop
PEA ชี้แจงรายละเอียดผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา สำหรับภาคประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัย (Solar PV Rooftop) พ.ศ. 2562
.
ตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ได้มีประกาศจัดหาไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar PV Rooftop) สำหรับภาคประชาชน พ.ศ.2562 ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กพช.) โดยในปี 2562 มีเป้าหมายการจัดหาไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) สำหรับภาคประชาชนประเภทบ้านอยู่อาศัย จำนวน 100 เมกะวัตต์สูงสุด (MWp)โดยแบ่งเป็นในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) 30 เมกะวัตต์สูงสุด (MWp) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) 70 เมกะวัตต์สูงสุด (MWp) และให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายเป็นผู้ดำเนินการรับซื้อไฟฟ้าโครงการดังกล่าว โดยมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้งไม่เกิน 10 กิโลวัตต์สูงสุด (kWp) ต่อเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า และขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายได้ไม่เกินเดือนธันวาคม 2562
.
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA )แจ้งรายละเอียดและคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการ ดังนี้
.
- ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการต้องเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้ากับ PEA ประเภทบ้านอยู่อาศัย (ประเภทที่ 1) ที่จะติดตั้งหรือติดตั้ง Solar PV Rooftop แล้ว โดยเน้นให้ผลิตไฟฟ้าใช้เอง(Self-Consumption) เพื่อลดค่ากระแสไฟฟ้า และส่วนที่เหลือสามารถขายคืนให้กับ PEA ได้ ในอัตรารับซื้อไฟฟ้า 1.68 บาท/หน่วย เป็นระยะเวลา 10 ปี
.
- การเข้าร่วมโครงการฯมีค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้ากับ PEA เป็นเงิน 8,500 บาท (ราคานี้ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และไม่ใช่ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบ Solar PV Rooftop)
.
- คุณสมบัติของผู้ที่จะยื่นขอผลิตไฟฟ้าจะต้องเป็นเจ้าของเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า (ชื่อเดียวกับชื่อในบิลค่าไฟฟ้า) และเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าต้องเป็นทรัพย์สินของ PEA
.
**ในกรณีชื่อผู้ที่ยื่นขอผลิตไฟฟ้าไม่ตรงกับชื่อเจ้าของเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า อาทิ มีการซื้อขายบ้าน เจ้าของเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าเดิมถึงแก่ความตาย หรือ มีการเปลี่ยนชื่อ-สกุล ให้ติดต่อการไฟฟ้าในพื้นที่ที่ใช้ไฟฟ้า เพื่อแก้ไขหรือโอนเปลี่ยนเจ้าของเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้าให้ถูกต้องก่อนยื่นขอผลิตไฟฟ้า
.
สำหรับประชาชนที่ใช้ไฟฟ้ากับ PEA มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าว สามารถยื่นขอผลิตไฟฟ้าผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ระบบ PPIM (https://ppim.pea.co.th) และท่านต้องลงทะเบียนสมัครบัญชีผู้ใช้งาน (Account) ของระบบ PPIM ก่อนที่จะยื่นขอผลิตไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าสามารถยื่นขอผลิตไฟฟ้าได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 ทั้งนี้ต้องรอประกาศจาก กกพ.ต่อไป
.
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1129 PEA Call Center หรือ กองส่งเสริมพลังงานทดแทนและผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก ฝ่ายส่งเสริมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (PEA) โทร. 02-590-9753 02-590-9763 02-009-6053
-------------------------------------------------
ข้อมูล : กองส่งเสริมพลังงานทดแทนและผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก ฝ่ายส่งเสริมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน
ข่าว : แผนกฐานข้อมูลประชาสัมพันธ์ กองสื่อสารองค์กร ฝ่ายประชาสัมพันธ์